เมือง La Paz ที่พวกเราแทบไม่รู้จักอะไรเลยก่อนเดินทางไปถึง เป็นเมืองชายทะเลเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเม็กซิโกฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หากลองเสิร์ชหาชื่อเมืองชายทะเลแนะนำในเม็กซิโก คงยากที่จะได้เห็นชื่อเมือง La Paz โผล่ขึ้นมา เพราะเมืองตากอากาศที่โด่งดังของเม็กซิโกส่วนใหญ่จะอยู่ที่ฝั่งทะเลแคริบเบียนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เช่น เมืองแคนคูน (Cancun)
ด้วยความที่ข้อมูลท่องเที่ยวเกี่ยวกับ La Paz มีจำกัด หนึ่งในสหายร่วมเดินทางจึงลองติดต่อหาไกด์ท้องถิ่นผ่านเว็บไซต์ couchsurfing.com และได้พบกับนักศึกษาชีววิทยาทางทะเลซึ่งอาสามาเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับพวกเรา เธอมีชื่อว่า Maritza
นอกจากนี้ สหายคนเดียวกันก็ยังได้โพสต์ในกลุ่มเฟสบุ๊คคนไทยในเม็กซิโกเพื่อสอบถามว่า มีคนไทยอาศัยอยู่ในเมือง La Paz หรือไม่ และก็มีพี่คนไทยคนหนึ่งมาตอบรับ และนัดหมายที่จะพาพวกเราไปเที่ยวในวันแรกที่เราเดินทางไปถึง พี่สาวคนนั้นชื่อ พี่โม
ด้วยความที่เม็กซิโกมีคนไทยอยู่น้อยมาก (ประมาณ 100 กว่าคน) เมื่อได้เจอคนไทยด้วยกันก็จะมีความรู้สึกดีใจ และสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนคงรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไกลบ้านมาก ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะหากเรายืนอยู่ที่ประเทศไทยและสามารถขุดเจาะอุโมงค์ลงไปใต้ดินจนไปถึงอีกฟากของเส้นผ่านศูนย์กลางโลกได้ เราก็จะไปโผล่ที่เม็กซิโกพอดี จึงไม่มีประเทศไหนที่ไกลจากไทยมากกว่าเม็กซิโกอีกแล้ว
ชายหาด Balandra
พี่โมขับรถพาไปเที่ยวที่ชายหาด Balandra ทำให้พวกเราได้รู้จักกับภูมิทัศน์ที่ทะเลทรายจรดมหาสมุทร เป็นครั้งแรก ทำไมพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยน้ำจึงกลายเป็นทะเลทรายได้ ? เพราะน้ำในทะเลแถบนี้เป็นน้ำเย็นจึงไม่ระเหยขึ้นมาเป็นฝน และตลอดชายฝั่งก็มีแนวภูเขาหินทรายขนาดมหึมาเรียงตัวอยู่ทำให้ความชื้นจากภูมิภาคอื่นไม่สามารถเข้ามาถึงได้ La Paz จึงกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่ต้นกระบองเพชรซึ่งมีความสามารถเก็บกักน้ำได้นานและทนทานกับความแห้งแล้ง
Balandra เป็นชายหาดเล็ก ๆ ทรายขาวละเอียด น้ำใสสะอาด สัญลักษณ์ของ Balandra คือก้อนหินรูปทรงเห็ดยักษ์เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม ในช่วงน้ำลง นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะโขดหินไปถึงเจ้าเห็ดยักษ์ได้ แต่เสียดายที่พวกเราไปถึงช่วงเย็น ระหว่างกำลังเดินไปหาเจ้าพระเอกของท้องเรื่อง น้ำทะเลก็เริ่มขึ้นไล่ตามมาอย่างเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เท้าของพวกเราก็ลอยจากพื้นแล้ว เราจึงตัดสินใจว่ายกลับเข้าฝั่ง และมาเล่นน้ำกันอยู่หน้าหาดซึ่งแทบไม่มีคลื่นเลย เพราะเมือง La Paz ตั้งอยู่ในฝั่งด้านในของทะเล Cortez ซึ่งเป็นอ่าวเว้าลึกเข้าไปในแผ่นดิน
เสน่ห์อีกประการของ Balandra คือบรรยากาศการท่องเที่ยวสไตล์ครอบครัวของชาวท้องถิ่น มีครอบครัวชาวเม็กซิกันมานั่งล้อมวงปิคนิค เด็ก ๆ วิ่งเล่นหัวเราะสนุกสนานบนชายหาด ไม่มีร้านค้า ร้านอาหารหรือโรงแรมใหญ่ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสงบและงดงามมันช่างมีความสุขยิ่งนัก
ว่ายน้ำกับสิงโต (สุนัข?) ทะเล
La Paz ได้ชื่อว่าเป็น “อควาเรียมของโลก” (Aquarium of the world) ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของใต้ท้องทะเลในบริเวณนี้ ดังนั้น กิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้คือ การว่ายน้ำกับสิงโตทะเลที่เกาะ Espíritu Santo ตามหาปลาฉลามวาฬ และหากโชคดี พวกเราก็อาจได้เห็นปลากระเบน และฝูงปลาโลมากระโดดเล่นน้ำโชว์ความน่ารักกันด้วย
Maritza ช่วยจัดการเรื่องการจองเรือให้พวกเรา และเธอก็ได้ที่นั่งฟรีบนเรือไปด้วย เธอใช้วิธีหานักท่องเที่ยวมาให้กับคนเรือ ซึ่งทำให้เธอได้ออกทะเลทุกวันโดยไม่ต้องเสียเงินเอง และยังได้สร้างมิตรภาพใหม่กับเพื่อน ๆ รอบโลกด้วย ตลอดช่วงเวลาในเรือ Maritza จะคอยเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลให้พวกเราฟัง และก่อนที่จะลงไปว่ายน้ำกับสิงโตทะเล Maritza ก็อธิบายความแตกต่างระหว่างสิงโตทะเลตัวผู้กับตัวเมียให้ฟังว่า ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย และมีโหนกที่หัว ขณะที่ตัวเมียไม่มีโหนก ให้พวกเราสังเกตให้ดีและห้ามเข้าใกล้ตัวผู้เพราะมันจะดุและอาจกัดเราได้ แต่ทันใดที่เรากระโดดลงน้ำ คำเตือนของ Maritza ก็ไร้ความหมาย สิงโตทะเลว่ายเข้ามาประชิดพวกเราจากทุกทิศทาง หมุนตัวไปมาใต้น้ำ อย่างกับนักเต้นระบำใต้น้ำก็ว่าได้ ก่อนที่จะกระโจนขึ้นมาโชว์หน้าทะเล้นของมัน เหลือที่ว่างระหว่างเธอกับฉันอีกเพียงนิดเดียว เราก็จะได้จุมพิตกันแล้ว
สิงโตทะเลภาษาอังกฤษเรียกว่า sea lions หรือ seals แต่ภาษาสเปนเรียกว่า lobos marinos ซึ่งคำว่า lobo แปลว่า หมาป่า จากประสบการณ์ตรงที่ได้เจอกับสิงโตทะเล เราว่า สิงโตทะเลมีนิสัยเหมือนหมาที่สุด มันมีความขี้เล่นและเข้าหามนุษย์ เสียงมันก็ร้องโฮ่ง ๆ คล้ายหมา มากกว่าที่จะเป็นเสียงคำรามของสิงโต จึงน่าสงสัยว่า ทำไมไม่มีภาษาใดเลย ที่จะเรียกสัตว์ตระกูลนี้ว่า หมาทะเล
ปลาฉลามวาฬ พี่ใหญ่ใจดีแห่งโลกสมุทร
ฤดูกาลที่จะสามารถเห็นปลาฉลามวาฬได้คือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤษภาคม แต่ในครั้งแรกที่พวกเราเดินทางไปเที่ยว La Paz ช่วงเมษายน ปี 2558 เราไม่ได้เห็นปลาฉลามวาฬ ด้วยความประทับใจกับทั้งสถานที่และมิตรภาพของ Maritza เพื่อนไกด์ท้องถิ่น พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับไป La Paz อีกครั้งในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน Maritza สัญญาว่า ครั้งนี้จะพาไปดูปลาฉลามวาฬให้ได้ และจะพาไปแคมปิ้งริมทะเล นอนดูดาวและดูแพลงก์ตอนเรืองแสงในยามค่ำคืน
ปลาฉลามวาฬเหมือนรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นของพวกเรา ครั้งนี้พวกเขาออกมาตามนัดหมายและให้เวลากับพวกเรานานมาก โดยปกติ นักท่องเที่ยวมักได้เห็นปลาฉลามวาฬกำลังว่ายน้ำ และก็จะต้องรีบกระโดดจากเรือและว่ายตามมันอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ได้เห็นปลาฉลามวาฬเพียงเสี้ยววินาที แต่ในครั้งนี้ ปลาฉลามวาฬ 2 ตัวที่เราเห็นมันคงหิวมาก ๆ เพราะมันหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อกินแพลงตอนก์ โดยทิ้งตัวในแนวดิ่ง ไม่ขยับไปไหน พวกเราจึงได้มีโอกาสว่ายน้ำวนรอบตัวปลาฉลามวาฬหลายรอบ ได้สังเกตปากอันแสนกว้างของมันที่กำลังดูดแพลงก์ตอนเข้าไปไม่มีหยุด และผิวสีเทาลายจุดขาวเหมือนลาย polka dot
ปลาฉลามวาฬมีความ “ย้อนแย้ง” ในตัวเองหลายอย่าง มันเป็นสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดแต่กลับกินแต่สิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วคือแพลงก์ตอน ปลาฉลามวาฬเป็นปลาตระกูลฉลาม แต่ไม่ได้มีนิสัยนักล่าเหมือนเพื่อนร่วมตระกูล มันไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากแพลงก์ตอน ดังนั้น คนจึงสามารถเข้าใกล้ปลาฉลามวาฬได้ โดยไม่มีอันตราย ขนาดว่ายเข้าไปเผชิญหน้ามัน มันยังเหมือนกับมองไม่เห็นเรา แต่หากเข้าไปใกล้มาก ก็สงสัยอยู่ว่า แรงดูดน้ำที่ปากของปลาฉลามวาฬจะสามารถดูดคนเข้าไปด้วยได้หรือไม่ คงไม่มีใครอยากลอง
Maritza บอกว่า อย่าไปแตะตัวปลาฉลามวาฬ เพราะแม้มันจะดูเป็นพี่เบิ้มด้วยขนาด แต่ใจของปลาฉลามวาฬเป็นใจปลาซิว มันจะตกใจและอาจว่ายหนีเราไปเลยได้ นอกจากนี้พี่ใหญ่แห่งมหาสมุทรยังมีความขี้อาย เพราะความใฝ่ฝันของมนุษย์ที่จะได้เห็นปลาฉลามวาฬจู๋จี๋กันก็ยังไม่เคยสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
Maritza ขึ้นมาบนเรือพร้อมพูดว่า เมื่อตะกี้เจอ Daniel ด้วย เรานึกว่าเธออาจพูดถึงเพื่อนนักดำน้ำของเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าคือ Daniel เจ้าปลาฉลามวาฬ ด้วยความที่ Maritza เธอออกทะเลมาดำน้ำเกือบทุกวัน เธอจึงจำปลาฉลามวาฬที่อาศัยอยู่ในอ่าวชายฝั่งเมือง La Paz ได้เกือบทุกตัว โดย Maritza อธิบายว่า ปลาฉลามวาฬแต่ละตัวจะมีลายจุดเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ซ้ำใคร และนักวิทยาศาสตร์ก็จะถ่ายรูปลำตัวของปลาฉลามวาฬแต่ละตัวไว้ เพื่อใช้ในการติดตามและนับจำนวนประชากรฉลามวาฬ
เปลี่ยนห้องนอนเป็นชายหาด Saltito และเพดานห้องเป็นทางช้างเผือก
Maritza ทำตามสัญญาที่จะพาพวกเรามาแคมปิ้งที่ชายหาด Saltito เธอมีความเป็นเนตรนารีสูงมาก รู้จักการผูกเงื่อน ตั้งเต้นท์และก่อไฟเป็นอย่างดี วิชาก่อไฟเป็นวิชาที่ยากสุด พวกเราช่วยกันจัดวางกระดาษและถ่านในเตาอย่างดิบดี แต่จุดไฟครั้งแล้วครั้งเล่า ถ่านก็ไม่ยอมติดไฟ หัวหน้า Maritza จึงเริ่มสั่งการให้ลูกเสือและเนตรนารีมือใหม่เดินออกหากิ่งไม้เล็ก ๆ มาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่ม เธอจัดเรียงกิ่งไม้ไว้ใต้ถ่านและพยายามจุดไฟต่อ โดยเป่าลมแรง ๆ ไปที่ไฟ Maritza ได้แสดงให้เห็นว่าเธอคือนางเงือกแห่งทะเล La Paz ตัวจริง เพราะเธอเป่าลมได้แรงมากและน่าจะมีปอดที่แข็งแรงมาก และในที่สุดถ่านไฟเก่าก็ปะทุขึ้น เอ๊ย ไม่ใช่ ถ่านหุงต้มก็ติดไฟพร้อมให้พวกเราได้ย่างเนื้อ ไส้กรอกและหัวหอมใหญ่กินกันเป็นอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย
ในสมัยเด็ก เราคงจำกันได้ว่าอุปกรณ์สำคัญของลูกเสือเนตรนารีคือเข็มทิศ แต่ในยุคศตวรรษที่ 21 มือถือได้กลายเป็นทุกสิ่งอย่างของคนทุกอาชีพและสำหรับทุกกิจกรรมไปแล้ว Maritza เปิด application ดูดาวของเธอ และอธิบายดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้าให้พวกเราฟัง เธอชี้ไปที่แถบสีขาวนวลที่พาดข้ามขอบฟ้าและบอกพวกเราว่า นี่คือกาแล็กซีทางช้างเผือก ระบบดวงดาวพันล้านดวงที่มีดาวโลกเป็นธุลี และมนุษย์เป็นเพียงเศษเสี้ยวของธุลีนั้น
จากห้องนอนกล่องสี่เหลี่ยม มาในค่ำคืนนี้ เรามีเพดานห้องเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มีทะเลและผืนทรายเป็นที่พักพิง กับเสียงกล่อมให้หลับของคลื่นกระทบฝั่ง แม้ลมจะแรงและอากาศหนาว แต่ Maritza ก็เลือกที่จะนอนบนผืนทรายอย่างสบายใจ ในขณะที่เพื่อนร่วมผจญภัยคนอื่นขอนอนหลบความหนาวอยู่ในเต๊นท์ จนถึงเวลาประมาณตีสาม Maritza เข้ามาปลุกพวกเราให้ไปดูแพลงก์ตอนเรืองแสง พอเราเอามือไกว่น้ำก็จะเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่แพลงก์ตอนไม่ได้ปรากฏตัวให้พวกเราเห็นมากในค่ำคืนนั้น พวกเรากลับเข้าไปนอนอีกครั้ง ก่อนจะตื่นขึ้นมาในช่วงหัวรุ่ง พระจันทร์เริ่มลับขอบฟ้า ในขณะที่พระอาทิตย์ก็ค่อย ๆ ปรากฎตัวขึ้น ฉายแสงต้อนรับวันใหม่อีกครั้ง ฝูงนกนางนวลบินออกหาอาหาร
พวกเรานั่งกินอาหารเช้า พยายามจดจำภาพความสวยงามของธรรมชาติรอบตัว เสียงคลื่นทะเล และสัมผัสของลมยามเช้าที่มากระทบกายให้มากที่สุด เพราะรู้ดีว่ารูปถ่ายหรือภาพวิดีโอไม่มีทางถ่ายทอดความงดงามและความสงบเงียบของชายหาด Saltito ได้เท่ากับการได้ไปสัมผัสสถานที่จริง
La Paz คือมุมหนึ่งของโลกที่ยังเก็บรักษาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปสุดขอบฟ้า ค้นหาความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ โดยเฉพาะโลกใต้น้ำ ในขณะเดียวกันก็จะได้สัมผัสและหลงใหลไปกับบรรยากาศท้องถิ่นสบาย ๆ และอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของครอบครัวชาวเม็กซิกัน ลิ้มลองทาโก้ทะเลสดอร่อยในตลาดยามเย็นของเมืองริมชายทะเล รู้สึกถึงความสุขที่มาจากความสงบเรียบง่ายสมกับชื่อของเมือง La Paz ซึ่งเป็นคำภาษาสเปนแปลว่า สันติภาพ (Peace)
ปล. - ปัจจุบันนี้ Maritza เรียนจบแล้วและทำงานเป็นนักชีววิทยาทางทะเลเต็มตัว คอยดูแลสัตว์โลกใต้ทะเล และบันทึกพฤตกรรมของผองเพื่อนเหล่านี้จนมีภาพถ่ายที่น่าทึ่งออกมาจำนวนมาก สามารถติดตามผลงานภาพใต้น้ำของ Maritza กันได้ทาง Instagram ที่ @marix_sea และหน่วยงาน Whale Shark Mexico ที่เขาร่วมงานด้วย ที่ @whalesharkmexico
ภาพถ่ายใต้น้ำจากทะเล Cortez โดย Maritza Cruz Castillo (@marix_sea)
Comments