อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในนครนิวยอร์กที่นักท่องเที่ยวทั้งจากสหรัฐฯ และต่างชาติ รวมถึงทั้งชาวนิวยอร์กเองที่นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจทำกิจกรรมต่างๆ เปรียบเสมือนโอเอซิสของชาวแมนฮัตตัน ก็คือ เซนทรัลพาร์คที่ทางเข้าเชื่อมต่อกับถนนสุดหรูย่านช้อปปิ้งเลื่องชื่อของนครนิวยอร์กอย่างฟิฟธ์อะเวนิว
เมื่อตะวันตกพบตะวันออก
เซนทรัลพาร์คเป็นสวนสาธารณะที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง Upper East กับ Upper West Manhattan มีพื้นที่ 3.41 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.317 ตารางไมล์ โดยความยาวแนวนอนตั้งแต่ถนน 59 ถึง 110 และแนวตั้งจาก Fifth Avenue ถึง Eighth Avenue สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857-1876 ซึ่งถือนับว่าเก่าแก่หลักร้อยปีขึ้นไปทีเดียว
โดยที่เซนทรัลพาร์คมีทำเลใจกลางมหานครนิวยอร์ก ทำให้เป็นสวนสาธารณะที่มีผู้คนมาเยี่ยมชมมากที่สุดในสหรัฐฯ คาดว่าไม่ต่ำกว่า 38 ล้านคนต่อปี แต่เห็นใหญ่ขนาดนี้ เซนทรัลพาร์คกลับไม่ใช่สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของนครนิวยอร์ก กลับตกเป็นอันดับที่ 5 รองจาก (1) Pelham Bay Park ในเขต Bronx (2) Green Belt Park ในเขต Staten Island (3) Van Cortlandt Park ในเขต Bronx และ (4) Flushing Meadows-Corona Park ในเขต Queens
ความเป็นมาโดยสังเขป
เซนทรัลพาร์คเกิดจากแนวคิดริเริ่มที่จะสร้างสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเกาะ Manhattan ในช่วงทศวรรษ 1940 เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนเมืองทำให้ประชาชนต้องการพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1857 นาย Frederick Law Olmsted นักวางผังเมือง และนาย Calvert Vaux นักออกแบบภูมิสถาปัตย์ ได้ชนะการแข่งขันออกแบบสวนสาธารณะจากผลงานที่ชื่อว่า ‘Greensward Plan’ และได้เริ่มก่อสร้างในปีเดียวกัน โดยได้เริ่มรื้อถอนและทำลายโครงสร้างที่มีอยู่เดิม รวมถึงการตั้งถิ่นฐานของชาวผิวสีใน Seneca Village
เซนทรัลพาร์คได้เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1958 และได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมทางตอนเหนือสุดของสวนเมื่อปี ค.ศ. 1859 และต่อเติมจนแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1876 รวมทั้งมีการสร้าง Central Park Conservancy เมื่อปี ค.ศ. 1980
ที่ใดบ้างที่ควรไปชมในเซนทรัลพาร์ค
เซนทรัลพาร์คขึ้นชื่อด้านความหลากหลายของสถานที่ต่างๆ ที่รวมเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สวนสนุก สวนสัตว์ อ่างเก็บน้ำ โรงละครกลางแจ้ง สนามเบสบอล ลานสเกตน้ำแข็ง และอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นสีสันของนครนิวยอร์ก
ขนาดเราไปมาหลายครั้งแล้ว มีทั้งแบบไปตั้งใจไป มีแบบ MET ไม่เปิด เลยไปเดินแทนก็มี ยังไม่ทั่วพื้นที่ ชมไม่ครบสักที
หมวดชมธรรมชาติ
The Ramble and Lake อยู่ระหว่างถนน 66 กับ 79 เป็นพื้นที่ป่าที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และเป็นที่แรกๆ ที่มีการสร้างในสวนสาธารณะแห่งนี้ เคยเป็นแหล่งจ่ายน้ำชั่วคราวให้กับชาวนิวยอร์กในอดีตด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมวิวเพลินๆ ชมนกชมไม้สวยๆ
Halette Nature Sanctuary คอธรรมชาติน่าจะชอบความร่มรื่นของสระน้ำที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสวน และใกล้กับ Grand Army Plaza
Jacqueline Kennedy Onassis Reservior หรือ Central Park Reservoir อยู่ระหว่างถนน 86 กับ 96 ได้รับชื่อตาม Jacqueline Kennedy Oanassis เมื่อปี ค.ศ. 1994 เพื่ออุทิศให้กับสิ่งที่เธอได้ทำให้กับนครนิวยอร์ก อีกทั้งเธอเองก็เคยอาศัยอยู่ใกล้บริเวณนี้
Belvedere Castle ตั้งอยู่บนยอดเขา Vista เป็นชื่อภาษาอิตาลี แปลว่า “ทิวทัศน์ที่งดงาม” เมื่อชมวิวจากตัวปราสาท จะมองเห็น The Great Lawn ทางตอนเหนือ และ The Ramble ทางตอนใต้ ในชั้นแรก สร้างขึ้นโดยไม่มีหน้าต่างหรือประตู มีวัตถุประสงค์เพื่อชมทัศนียภาพเป็นหลัก ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 National Weather Services ได้ทำการเก็บค่าตัวอย่างทางอุตุนิยมวิทยาจากตัวปราสาท อาทิ อุณหภูมิ ความชื้น
Bethesda Fountain เป็นหนึ่งในน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในนครนิวยอร์ก ออกแบบโดย Ms. Emma Stebbins และก่อสร้างในปี ค.ศ. 1868 มีความสูง 26 ฟุต และความกว้าง 96 ฟุต มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เทพธิดาแห่งสายน้ำ (angel of the waters)” ซึ่งยืนอยู่เหนือเทวดาตัวน้อย 4 องค์ ซึ่งแสดงถึงสุขภาพดี ความบริสุทธิ์ ความสมดุล และสันติภาพ โดยรูปปั้นเทพธิดานี้อ้างอิงถึงสารของนักบุญจอร์หนที่ว่ามีเทพธิดามาประสาทพรที่น้ำพุแห่งนี้เพื่อเป็นพลังรักษาโรค โดยมือซ้ายถือดอกลิลลี่ และมือขวาเหยียดยาวออกมาเพื่อให้พรกับน้ำที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์และกำลังไหลลงมา อนึ่ง สมัยที่รูปปั้นสร้าง เกิดภาวะโรคระบาดหนัก จึงต้องสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน
Bethesda Terrace เป็นโถงทางเดินที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1860 มีบันไดเชื่อมต่อขนาดใหญ่ระหว่างชั้นบนกับชั้นล่าง และเพดานที่ถูกตกแต่งสวยงาม จุดเด่นที่สำคัญคือ เพดาน Minton Tile ที่ออกแบบโดยนาย Jacob Wrey Mould
หมวดพักผ่อนหย่อนใจ
Alice in Wonderland อยู่ทางตอนเหนือของบ่อน้ำ (conservatory water) แถวถนน 74 เป็นรูปปั้นทองแดงสำริด ความสูง 11 นิ้ว โดย Alice ถูกรายล้อมด้วยผองเพื่อน อาทิ Mad Hatter, White Rabbit, Cheshire Cat รูปปั้นนี้ก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1959 โดยนาย Jose de Creeft ภายใต้การอุปถัมภ์ทางการเงินจากนาย George Delacorte เพื่อระลึกถึงภรรยาของเขาที่ชื่อ Magarita ที่ชอบเล่านิทานเรื่อง ‘Alice in Wonderland’ ให้กับลูก ๆ ฟัง ทั้งนี้ เด็กๆ สามารถปีนป่าย จับ หรือคลานรอบตัวอลิซและเพื่อนๆ ได้
มีข้อสนเทศอีกอย่างคือต้นแบบใบหน้าของอลิซก็ไม่ใช่อื่นไกลเป็นการจำลองใบหน้าจาก Donna ลูกสาวของนาย Creeft ประติมากรนั่นเอง
Central Park Zoo อยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของเซนทรัลพาร์ค เป็นระบบบูรณาการที่นำเอาสวนสัตว์สี่แห่งและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเข้าไว้ด้วยกัน แถมยังมีโปรแกรมสำหรับเด็กให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปเข้าร่วมด้วย
Central Park Carousel หรือ Michael Friedsam Memorial Carousel อยู่ทางตอนใต้ของเซนทรัลพาร์ค ใกล้กับถนน 65 เคยถูกเอ่ยชื่อในซีรีส์ Punisher ของ Marvel (แต่ไม่ได้ถ่ายทำในสถานที่จริง) และในนิยาย “The Catcher in the Rye”
Carousel หรือม้าหมุน เป็นที่นิยมนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871 ในตอนแรก ไม่ได้รับการยอมรับมากนักจากคณะกรรมาธิการสวนสาธารณะเนื่องจากไม่อยากให้มีเครื่องเล่นที่เก็บเงินเชิงพาณิชย์ในเซนทรัลพาร์ค แต่ตอนหลัง ก็ยอมรับว่ารายได้ที่ได้มีประโยชน์ในการทำนุบำรุงเซนทรัลพาร์ค
(หมายเหตุ: ม้าหมุนปิดให้บริการไปตั้งแต่ที่มีไวรัสโควิด-19 ระบาด)
เซนทรัลพาร์คมีม้าหมุน 4 ตัวที่แตกต่างกัน โดยม้าหมุนตัวแรกได้ให้บริการจนถึงปี ค.ศ. 1924 ใช้แรงลากจากม้าและลาที่ถูกฝึกอย่างดีและซ่อนตัวในช่องด้านล่างของตัวม้าหมุน ขณะที่อีก 2 ตัวที่ใช้พลังงานไอน้ำเป็นแรงหมุนได้ถูกไฟไหม้เสียหายใช้การไม่ได้ ส่วนตัวสุดท้ายเป็นการไปเอาม้าหมุนที่ถูกทิ้งจาก Coney Island มาทดแทน
จากสถิติที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวที่เล่นเครื่องเล่นม้าหมุนไม่ต่ำกว่า 250,000 คนต่อปี
เซนทรัลพาร์คในแผ่นฟิล์ม
ความสวย หลากหลาย และเป็นธรรมชาติของพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ทำให้ไปปรากฎในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่องที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา อาทิ Home Alone 2, Spider Man III, Avenger, Maid in Manhattan, Night at the Museum, when Harry met Sally, Love Story, Serendipity, Enchanted รวมถึงภาพยนตร์ไทยเรื่องกุมภาพันธ์
มีแถมนิดนึง รู้ไหมคะว่า เซนทรัลพาร์คนี่แหละที่ถูกใช้เป็นต้นแบบในการสร้างอุทยานจตุจักร สวนสาธารณะสำหรับประชาชนทั่วไปในกรุงเทพฯ อีกด้วย
แหล่งอ้างอิง
Comments