top of page

Manneken Pis ฉี่อย่างไรให้ดังไปทั่วโลก

  • Writer: พงศ์สิน เทพเรืองชัย
    พงศ์สิน เทพเรืองชัย
  • Oct 2, 2020
  • 2 min read

พลเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของบรัสเซลส์คือ "เด็กฉี่" Manneken Pis ทุกคนที่มาถึงบรัสเซลส์จะต้องมาตามหาเด็กคนนี้กัน และเมื่อพบแล้วก็มักจะพูดว่า "นึกว่ารูปปั้นจะใหญ่กว่านี้ หรือ รูปปั้นจำลองที่อยู่ในร้านช็อกโกแลตที่เพิ่งเดินผ่านมายังใหญ่กว่าตั้งเยอะ" จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า เด็กฉี่คนนี้เป็นใครและเหตุใดจึงเป็นบุคคลสำคัญถึงขนาดที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ ส่งเสื้อผ้ามาให้เป็นของขวัญ เราลองมาค้นหาคำตอบเรื่องนี้กัน



Manneken Pis คือรูปปั้นเด็กฉี่ที่ตั้งอยู่ที่น้ำพุสาธารณะ (แหล่งน้ำดื่มสำหรับประชาชน) ในบรัสเซลส์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ต่อมาแม้ว่าน้ำพุนี้จะไม่ได้เป็นแหล่งน้ำสาธารณะสำหรับให้ประชาชนบริโภคแล้ว แต่เด็กฉี่ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและตัวแทนของอารมณ์ขันในแบบของชาวเบลเยียม


รูปปั้น Manneken Pis มีขนาดใหญ่กว่าเด็กทารกจริงไม่มาก แต่หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่เพราะคิดกันว่าของดังประจำเมืองน่าจะเป็นของใหญ่ นอกจากนี้ ระหว่างเดินไปน้ำพุเด็กฉี่แห่งนี้ เราจะผ่านร้านช็อกโกแลตและร้านวาฟเฟิล (สองขนมหวางประจำชาติเบลเยียม) หลายแห่งที่มีรูปปั้นเด็กฉี่จำลอง ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่าตัวผู้ใหญ่ ทำให้ทุกคนคิดกันไปว่าของจริงก็คงจะประมาณนี้



รูปภาพ : Manneken Pis จำลองหน้าร้านวาฟเฟิล



ฉี่อย่างมุมานะ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค


เด็กฉี่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เคยรอดจากสงครามและการโจมตีเมืองมาหลายครั้ง เคยถูกลอบขโมยถึงสองครั้งแต่ทางการก็สามารถกู้คืนมาได้ เคยถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แต่ก็สามารถนำมาประกอบกันใหม่ เคยถูกทิ้งลงแม่น้ำแต่ก็ถูกค้นพบ ในที่สุดกรุงบรัสเซลส์ก็ไม่สามารถจะให้เด็กฉี่ต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป จึงได้พามาอยู่ที่บ้านแห่งใหม่ในพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง


รูปภาพ : Manneken Pis ต้นฉบับอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในใจกลางเมือง ซึ่งอดีตเคยเป็นคฤหาสน์ของกษัตริย์เบลเยียม (Maison du Roi) และปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์กรุงบรัสเซลส์



เด็กฉี่ต้นฉบับอาศัยอยู่อย่างสงบที่พิพิธภัณฑ์แห่งกรุงบรัสเซลส์ตั้งแต่ปี 1965 เป็นต้นมา รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1619 (ฉลองอายุ 400 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว) โดย Jérôme Duquesnoy ช่างปั้นที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น โดยแบบของรูปปั้นได้รับแรงบันดานใจมาจากกามเทพคิวปิดนั่นเอง



ฉี่อย่างกล้าหาญ ช่วยป้องกันเหตุร้าย


มีตำนานเล่าขานกันว่าเมื่อกาลครั้งหนึ่ง เคยมีความพยายามของศัตรูที่จะเผาเมืองบรัสเซลส์ แต่ในคืนนั้นเอง มีเด็กน้อยตื่นขึ้นมากลางดึกและออกมาหาที่ฉี่นอกบ้าน (สมัยนั้นยังไม่มีห้องน้ำในบ้าน) และพบเห็นกองไฟขนาดย่อมก็เลยไปฉี่ตรงนั้นเพื่อดับไฟ เหตุการณ์นี้ถูกเล่าขานไปทั่วหมู่บ้านจนทำให้เด็กคนนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเมือง


รูปภาพ : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่า รูปปั้นเด็กฉี่ Manneken Pis ที่พวกเขาไปมุงถ่ายภาพกันที่น้ำพุแห่งนี้ จริงแล้วคือรูปที่หล่อขึ้นมาทดแทนตัวต้นฉบับ


รูปภาพ : ในช่วงโควิดที่ทุกคนต้องใส่หน้ากาก คนดังอย่างเด็กฉี่ก็ไม่ได้รับการยกเว้น



ฉี่อย่างมีสไตล์ มีเสื้อผ้านับพันชุด


ถัดจากรูปปั้นเด็กฉี่ไปเพียงนิดเดียว เราจะพบกับห้องเก็บเสื้อของเด็กฉี่ ซึ่งจัดแสดงคอลเลกชั่นเสื้อผ้าบางส่วน มีทั้งชุดประจำชาติที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เคยมอบให้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ชุดที่สะท้อนความเป็นเบลเยียม ชุดที่สะท้อนอาชีพต่าง ๆ รวมถึงชุดของบุคคลมีชื่อเสียงต่าง ๆ



ไม่มีใครรู้ว่าประเพณีการแต่งตัวให้กับเด็กฉี่เริ่มขึ้นเมื่อใด แต่บันทึกเรื่องเสื้อผ้าเด็กฉี่ที่เก่าแก่ที่สุดคือจากปี ค.ศ. 1616 และตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 มาจนถึงปี ค.ศ. 1914 (ปีที่เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง) ได้มีการแต่งตัวให้กับเด็กฉี่ปีละ 4 ครั้ง



ผู้นำคนแรก ๆ ที่มอบชุดให้กับเด็กฉี่คือพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศสเมื่อปี 1747 ภายหลังจากที่ทหารฝรั่งเศสได้ยักยอกรูปปั้นนี้ไปและพระเจ้าหลุยส์ฯ ส่งรูปปั้นคืนให้บรัสเซลส์พร้อมกับของขวัญเพื่อแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น




หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจบลง ได้เริ่มมีการมอบเสื้อผ้าให้กับเด็กฉี่ ทั้งจากผู้นำ เอกอัครราชทูต หน่วยงานและสมาคมจากประเทศต่าง ๆ โดยตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมา เด็กฉี่ได้รับเสื้อผ้าใหม่ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ มานี้ (ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา) จะได้รับเสื้อผ้าใหม่ปีละประมาณ 25 ชุด ทำให้คอลเลกชั่นเสื้อผ้าในปัจจุบันมีรวมกว่า 1,000 ชุด






รูปภาพ : เด็กฉี่ได้รับเสื้อผ้าจากทุกมุมโลก


รูปภาพ : แน่นอนว่า Manneken Pis ในฐานะที่เป็นชาวบรัสเซลส์ เมืองหลวงแห่งสหภาพยุโรป ก็ย่อมต้องมีชุดจากสหภาพยุโรป


รูปภาพ : พอถึงวันชาติของประเทศต่าง ๆ ทางเมืองบรัสเซลส์ก็จะนำชุดประจำชาตินั้น ๆ มาใส่ให้กับเด็กฉี่ (ในภาพนี้คือชุดของคอสตาริกา)


รูปภาพ : ตู้กระจกหน้าห้องเสื้อ Manneken Pis จัดแสดงตัวละครจากหนังสือการ์ตูนเบลเยียม โดยสองตัวที่อยู่ตรงกลางคือ Asterix กับ Obelix (จากเรื่อง Asterix) ส่วนด้านซ้ายสุดคือ Spirou และขวาสุดคือ Gaston Lagaffe (จากเรื่อง Gaston)


รูปภาพ : Red Devil คือทีมฟุตบอลประจำชาติของเบลเยียม (ในภาพเป็นชุดจากบอลโลกปี 2014)


รูปภาพ : Adolphe Sax คือชาวเบลเยียมผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรี saxophone ขึ้นเมื่อปี 1846



รูปภาพ : เสื้อผ้าคนดังจากต่างประเทศ เช่น Mozart นักดนตรีชื่อดังชาวออสเตรียในศตวรรษที่ 18 และ Nelson Mandela ผู้ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมระหว่างสีผิวและอดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้


รูปภาพ : ภาพวาดบนกำแพงของห้องเสื่อผ้าเด็กฉี่ ในวันที่ 21 ก.ย. ของทุกปีรูปปั้นเด็กฉี่ก็จะใส่ชุดแบบในภาพนี้ ซึ่งมีชื่อว่า Manneken Peace ในโอกาสวันสันติภาพโลก (World Peace Day)



ฉี่เป็นหมู่คณะ ทำงานกันเป็นทีม


ทุกคนที่มากรุงบรัสเซลส์จะต้องไปรุมดู Manneken Pis กัน แต่หลายคนไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย โดยมีเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคนและก็สุนัขอีกหนึ่งตัว


ในเมื่อมีรูปปั้นเด็กผู้ชายแล้ว ก็ต้องมีรูปปั้นเด็กผู้หญิงด้วย เพื่อให้มีความเท่าเทียมกันทางเพศ ต่อมา ในเมื่อมีทั้งเด็กชายกับหญิงแล้ว ก็ควรมีสัตว์เลี้ยงด้วยเพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์ จึงเป็นที่มาของเหล่าสามเกลอนี้ที่กระจายกันฉี่ตามพื้นที่รอบจัตุรัส Gran Place รูปปั้นเด็กและสุนัขทั้งสามสะท้อนถึงลักษณะนิสัยของชาวเบลเยียมที่มักมีอารมณ์ขบขันและชอบล้อตัวเอง (การที่สร้างให้เด็กกับหมาฉี่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง)


รูปภาพ : เด็กผู้หญิงมาหลบอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ซึ่งเป็นบาร์ Delirium (เป็นร้านดังของเบลเยียม เสิร์ฟเบียร์ที่หลากหลาย และมีโลโกเป็นรูปช้างสีชมพู) ถ้าไม่มีคนบอกนี่เราก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าในตรอกนี้มีสมาชิกแกงค์เด็กฉี่มานั่งอยู่ด้วย


รูปภาพ : Jeanneke Pis คือรูปปั้นเด็กผู้หญิงฉี่และน้ำพุที่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ปี 1987 ปัจจุบันนี้มีรั้วปิดเอาไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรม (สังเกตในภาพดี ๆ จะเห็นเงาของรั้วสะท้อนอยู่บนกำแพงข้างหลังเด็กผู้หญิง)



รูปภาพ : Het Zinneke คือรูปปั้นหมาฉี่ที่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ปี 1999 หมาตัวนี้จะต่างจากรูปปั้นเด็กทั้งสองตรงที่ตั้งอยู่บนถนนโดยไม่มีรั้วกั้น และไม่ได้มีน้ำพุไหลเหมือนดับเด็กทั้งสอง และโดยที่หมาตัวนี้ยืนอยู่ติดถนนที่มีรถวิ่ง จึงเคยถูกรถชนครั้งหนึ่งเมื่อปี 2015 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมและกลับมาตั้งอยู่จุดเดิมอีกครั้ง



ฉี่ไร้พรมแดน ไปไกลถึงต่างประเทศ


เด็กฉี่ Mannekin Pis ไม่ได้มีอยู่แค่ที่บรัสเซลส์เท่านั้น แต่ที่เมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศสก็มีด้วยเช่นกัน รูปปั้น Mannekin Pis นี้เป็นของขวัญที่รัฐบาลกรุงบรัสเซลส์มอบให้แก่รัฐบาลเมือง Colmar เมื่อปี 1935 ในโอกาสครบรอบ 300 ปีที่เมืองนี้ผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส (ปี 1635) รวมทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างสองประเทศที่เคยฟันฝ่ากับอุปสรรคคล้ายกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ปี 1918)




นอกจากกรุงบรัสเซลส์จะได้รับเสื้อผ้าเด็กฉี่เป็นของขวัญจากต่างประเทศแล้ว รูปปั้นเด็กฉี่เองก็เป็นของขวัญที่กรุงบรัสเซลส์เคยมอบให้แก่ต่างประเทศเช่นกัน



Manneken Pis ฉี่อย่างไรถึงได้ดังไปทั่วโลก? จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็คงพอจะสรุปกันได้ว่าต้องฉี่อย่างกล้าหาญ ป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเมือง ฉี่อย่างมุมานะ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบากใด ๆ ฉี่อย่างมีสไตล์ มีเสื้อผ้าให้เลือกใส่นับพันชุดและใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์พระราชา ฉี่เป็นหมู่คณะ รู้จักทำงานเป็นทีม และฉี่อย่างไม่ต้องมีพรมแดน ทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างประเทศ



แหล่งข้อมูล


コメント


Asset 8.png

บันทึกของนักการทูตว่าด้วยเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม

วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์จากมุมต่าง ๆ ของโลก

© 2020 by Diplomat Diary.

bottom of page